ประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อ
Escherichia coli
และ เชื้อ Staphylococcus
aureus ของสารสกัดจากรากบัว
และเปลือกหุ้มผลของบัวหลวงบุณฑริก
Inhibitory
Effect on Escherichia coli and Staphylococcus aureus
of
Crude extract of Seed Coat Lotus and Lotus root ( Nelumbo nucifera Gaertn.)
กนกวรรณ
คุณาคุณ กันต์ฤทัย คุณเลี้ยง ชนกสุดา อมรรัตนดิลก
จริยา จันทวี
เครือวัลย์ ตุ้มสังข์ทอง
โรงเรียนนารีนุกูล
อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
บทคัดย่อ
การศึกษาคุณสมบัติของรากบัว และเปลือกหุ้มเมล็ดของบัวพบว่ามีสารชนิดต่างๆ ในส่วนประกอบของบัวหลวง ที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกายหรือนำมาปรุงเป็นยารักษาโรคได้
ในสมัยก่อนคนไทยนิยมนำรากบัวมาต้มแก้อาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร (เดลินิวส์) เปลือกผลบัวมีฤทธิ์แก้อาการท้องเดิน ซึ่งทั้งรากบัวและเปลือกหุ้มผลบัวมีสารแทนนินเป็นสารที่มีรถฝาดสมานมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งอาการท้องเดิน
และมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียต่างๆได้ (ปิยะวดี เจริญวัฒนะ, สุมนา ปานสมุทร, ดำรงค์
คงสวัสดิ์ และอำนวย เพชรประไพ) ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงได้ศึกษาการยั้งยั้งเชื้อแบคทีเรีย Escherichia
coli และ Staphylococcus
aureus ที่เป็นสาเหตุของโรคในระบบทางเดินอาหาร โดยใช้สารสกัดจากเปลือกหุ้มผลและรากบัวสกัดโดยการปั่นและคั้นเอาน้ำสารสกัดที่กรองด้วยกระดาษกรองและที่กรองไวรัสเรียบร้อยแล้วนำสารสกัดแต่ชนิดมาทดสอบการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli และ เชื้อ Staphylococcus aureus เลี้ยงด้วยวิธี agar
diffusion พบว่าสารสกัดจากเปลือกผลบัวไม่สามารถยับยั้งเชื้อ Escherichia
coli และ เชื้อ Staphylococcus aureus ได้ สารสกัดจากรากบัวสามารถยับยั้งเชื้อ Escherichia
coli แต่ไม่สามารถยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus ได้
คำสำคัญ สารสกัดจากเปลือกผลบัว สารสกัดจากรากบัว
เชื้อ Escherichia coli เชื้อ Staphylococcus aureus
1.บทนำ
บัวเป็นพืชชนิดหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน
บัวไม่ได้เป็นเพียงพืชธรรมดาที่ให้ประโยชน์ได้เฉพาะการนำไปใช้ไหว้พระ
นำไปรับประทาน หรือนำไปปลูกไว้เพื่อประดับให้สวยงามเท่านั้น
บัวยังสามารถใช้เป็นพืชสมุนไพรในการรักษาโรคได้ จากการศึกษาวิจัยพบสารชนิดต่างๆ ในส่วนประกอบของบัวหลวง
ที่มีสรรพคุณในการบำรุง ร่างกายหรือนำมาปรุงเป็นยารักษาโรคได้ รากบัว และเปลือกหุ้มผล พบสารพวกแทนนิน (Tannin) เป็นสารฝาดสมานที่มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งอาการท้องเดิน
หรือโรคที่เกิดในระบบทางเดินอาหาร คณะผู้จัดทำจึงสนใจที่จะทดสอบการยับยั้งเชื้อ Escherichia
coli และ เชื้อ Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร ด้วยสารสกัดจากเปลือกหุ้มผลและรากบัว
2.วัสดุอุปกรณ์และวิธีการ
1. สกัดสารจากเปลือกหุ้มผลและรากของบัวหลวง
โดยล้างให้สะอาดแล้วนำมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ปั่นให้ละเอียดและนำมาใส่ในผ้าขาวบางเพื่อที่จะคั้นเอาน้ำสารสกัดพอได้น้ำสารสกัดจากเปลือกหุ้มผลและรากบัว
ก็นำไปกรองอีกครั้ง โดยกรองผ่านกระดาษกรองเบอร์ 1 แล้วใส่ในถุงร้อนนำสารสกัดในถุงร้อนมากรองด้วยที่กรองแบคทีเรียและไวรัสเพื่อกรองเชื้ออีกครั้งนำมาใส่ในถุงร้อนถุงใหม่ได้สารสกัดจากเปลือกหุ้มผลและรากบัว
2. นำสารสกัดหยาบมาศึกษาฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
Escherichia coli และ เชื้อ Staphylococcus ด้วยวิธี
agar diffusion ตามวิธีของ Kostecki และคณะ
(2004) โดยนำเชื้อแบคทีเรียก่อโรคดังกล่าวมาเลี้ยงในอาหารเหลว
Luria bertani broth, miller; LB บ่มที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส นาน 24 ชั่วโมง แล้วนำเชื้อแบคทีเรียที่บ่มไว้มา
streak ลงใน plates เลี้ยงบนอาหาร LB (ศรัญญา
พรศักดา, มาระตรี เปลี่ยนศิริชัย,
กิตติ ศรีสะอาด, มัณฑนา นครเรียบ ,ประชุมพร
เลาห์ประเสริฐ, ทวีรัตน์ วิจิตรสุนทรกุล และทรงศิลป์.พจน์ชนะชัย) นำแผ่น disc วางไว้ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ 2 แผ่น โดยดูดน้ำกลั่น 50 µL. แล้วหยดลงบน disc แผ่นที่ 1 เป็นตัวควบคุมและดูดสารสกัดจากรากบัวที่สกัดได้ในปริมาณ 50 µL. แล้วหยดลงบน disc แผ่นที่ 2 เป็นตัวทดลอง เปลือกหุ้มผลบัวก็ทำเช่นเดียวกัน (ทำ 3 ซ้ำ)บ่มที่อุณหภูมิ
37 องศาเซลเซียส นาน 24 ชั่วโมง เก็บข้อมูลโดยวัดเส้นผ่านศูนย์กลางบริเวณใส (clear
zone) ด้วยไม่บรรทัดจากวงใสขอบซ้ายถึงขวา บันทึกผลการทดลอง
3. ผลการทดลอง
จากการทดลองพบว่าสารสกัดจากเปลือกหุ้มผลของบัวหลวงบุณฑริกไม่สามารถยับยั้งเชื้อ
Escherichia coli และ เชื้อ Staphylococcus aureus ได้
![]()
เพลต
|
1
|
2
|
3
|
Escherichia
coli
|
-
|
-
|
-
|
Staphylococcus aureus
|
-
|
-
|
-
|
ตาราง
1.ผลการยับยั้งเชื้อของสารสกัดจากเปลือกหุ้มผลของบัวหลวงบุณฑริก
*หมายเหตุ*
เครื่องหมาย – คือ สารสกัดจากเปลือกหุ้มผลของบัวหลวงบุณฑริกไม่สามารถยับยั้งเชื้อได้
จากการทดลองพบว่าสารสกัดจากรากบัวของบัวหลวงบุณฑริกสามารถยับยั้งเชื้อ
Escherichia coli แต่ไม่สามารถยับยั้ง
เชื้อ Staphylococcus
aureus ได้
![]()
เพลต
|
1
|
2
|
3
|
Escherichia
coli
|
0.8
cm
|
1.0
cm
|
1.0
cm
|
Staphylococcus aureus
|
-
|
-
|
-
|
ตาราง
2.ผลการยับยั้งเชื้อของสารสกัดจากรากของบัวหลวงบุณฑริก
*หมายเหตุ*
เครื่องหมาย – คือ
สารสกัดจากรากบัวของบัวหลวงบุณฑริกไม่สามารถยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus ได้ และ ตัวเลขในตาราง คือ เส้นผ่านศูนย์กลางของ clear zone
สรุปการยับยั้งเชื้อของสารสกัดทั้งสองชนิด
เชื้อ
|
สารสกัด
|
|||||
สารสกัดจากเปลือกหุ้มผล
|
สารสกัดจากรากบัว
|
|||||
เพลตที่ 1
|
เพลตที่ 2
|
เพลตที่ 3
|
เพลตที่ 1
|
เพลตที่ 2
|
เพลตที่ 3
|
|
Escherichia
coli
|
-
|
-
|
-
|
0.8 cm
|
1.0 cm
|
1.0 cm
|
Staphylococcus aureus
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
ตาราง
3 สรุปการยับยั้งเชื้อทั้งสองชนิด
*หมายเหตุ*
เครื่องหมาย – คือ สารสกัดจากเปลือกหุ้มผลและรากบัวของบัวหลวงบุณฑริกไม่สามารถยับยั้งเชื้อได้
และ ตัวเลขในตาราง คือ เส้นผ่านศูนย์กลางของ clear zone
4. สรุปและอภิปรายผล
การศึกษาฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ
Escherichia
coli และเชื้อ Staphylococcus aureus
ของสารสกัดหยาบจากเปลือกหุ้มผลบัว และรากบัว พบว่าสารสกัดจากเปลือกหุ้มผลบัวไม่สามารถยับยั้งเชื้อได้ทั้งสองชนิด
ซึ่งอาจเป็นเพราะมีสารในการยับยั้งไม่เพียงพอต่อการยับยั้งเชื้อ ส่วนสารสกัดจากรากบัวสามารถยับยั้งเชื้อ
Escherichia
coli ได้ แต่ไม่สามารถยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus จากการทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ
Escherichia
coli ที่ความเข้มข้น 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางของโซนใส 0.8 , 1.0 และ 1.0 เซนติเมตร ตามลำดับ อย่างไรก็ตามแม้ว่าสารสกัดหยาบจากรากบัวมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
Escherichia coli ได้ แต่ความสามารถในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
โดยดูจากขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของโซนใส ยังมีขนาดเล็ก ซึ่งน่าจะเกิดจากสารบางชนิดในรากบัวที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียในปริมาณน้อย
และขึ้นอยู่กับชนิดของแบคทีเรีย จึงทำให้โซนใสมีขนาดเล็ก
ซึ่งขณะนี้ผู้วิจัยกำลังดำเนินการทดลองเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสกัดด้วยตัวทำละลาย
หรือศึกษาตัวทำละลายให้เหมาะสมกับสารที่เราต้องการสกัด
เพื่อจะได้สารที่ต้องการให้ออกมามากที่สุด และศึกษาชนิดของรากบัวให้มากขึ้น
เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกสารสกัดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการยับยั้งการเจริญเติบของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร
5. ข้อเสนอแนะ
ควรศึกษาวิธีการสกัดสารที่สามารถสกัดแล้วสามารถยับยั้งเชื้อได้ดี
มีโซนใสบริเวณกว้าง ประหยัดค่าใช้จ่ายและงบประมาณ
กิตติกรรมประกาศ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อ
Escherichia
coli
และ เชื้อ Staphylococcus
aureus ของสารสกัดจากรากบัว
ดีบัว และเปลือกหุ้มเมล็ดของบัวหลวงบุณฑริกจะสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้ถ้าขาดบุคคลดังนี้
คือ คุณครูจริยา จันทวี คุณครูเครือวัลย์ ตุ้มสังข์ทอง ครูที่ปรึกษาโครงงาน
มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ผู้ให้ความอนุเคราะห์ในการทดลอง และที่สำคัญ
คือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
ที่สนับสนุนงบประมาณการจัดทำโครงงานจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีและขอขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่และสมาชิกในครอบครัวทุกคนที่ให้การช่วยเหลือในการทำโครงงาน
6. เอกสารอ้างอิง
[1] การศึกษาฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ของสารสกัดจากบัวหลวง (2552) โดย ปิยะวดี เจริญวัฒนะ, สุมนา ปานสมุทร, ดำรงค์
คงสวัสดิ์ และอำนวย เพชรประไพ
[2] สรรพคุณทางยาของบัวหลวง โดย เรือนพีรนันท์ [3]
รู้จักกับเชื้ออีโคไล (Escherichia coli) ดร.ภญ.เกษร
เทพแปง นักวิชาการแรงงานชํานาญการ สํานักความปลอดภัยแรงงาน
[4] Staphylococcus
aureus / สตาฟิโลค็อกคัส ออเรียส ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ
พรเฉลิมพงศ์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ
ดร.นิธิยา รัตนาปนนท์ [5] ผลของสารสกัดจากมะเขือพวงในการยับยั้งแบคทีเรียก่อโรค Escherichia
coli, Staphylococcus aureus และ Salmonella typhimurium (2553) ศรัญญา พรศักดา, มาระตรี เปลี่ยนศิริชัย, กิตติ ศรีสะอาด, มัณฑนา นครเรียบ ,ประชุมพร เลาห์ประเสริฐ, ทวีรัตน์ วิจิตรสุนทรกุล และทรงศิลป์.พจน์ชนะชัย